ทำไมเราถึงใช้การซูวีสเต็กแทนที่จะย่างไปบนกระทะไปเลยล่ะ ?
ถ้าหากว่าคุณค้นหาเกี่ยวกับการทำซูวี ส่วนมากแล้วคุณจะพบว่าคนที่ทำอาหารด้วยการซูวีนั้นมักจะเลือกทำสเต็กด้วยการซูวีเสียเป็นส่วนมาก สำหรับบทความนี้เรากำลังจะมาวิเคราะห์เล่าลึกเรื่องการทำซูวีกับการทำสเต็กว่ามันมีเหตุผลอะไรทำไมคนถึงเลือกที่จะใช้เครื่องซูวีสำหรับการทำสเต็กกันด้วย มันมีเหตุผลอะไรหรือผลดีอะไรหรือเปล่าที่จะใช้เครื่องซูวีเพื่อทำส่วนหนึ่งของการทำสเต็ก
คนรักสเต็กรู้ว่าสเต็กเนื้อนั้นมีราคาสูงและต้องการให้เนื้อสเต็กมีความสุกที่ต้องการ
เรื่องนี้จำเพาะคนที่ทานสเต็กเนื้อถึงจะเข้าใจและทราบกันเป็นอย่างดีว่าปกติแล้วการสั่งหรือทำสเต็กเนื้อวัว จะกำหนดระดับความสุกกันเป็นเร่ื่องปกติ ไม่มีการสั่งสเต็กเนื้อที่ไม่ได้กำหนดบอกความสุกพ่วงไปด้วยหรอก แน่นอนว่า ถ้าหากว่าคุณทำร้านอาหาร ลูกค้าของคุณก็จะสั่งสเต็กที่บอกว่า “ขอสเต็กระดับความสุกแบบมีเดียมแรร์” อะไรทำนองนี้ เนื่องจากคนที่ทานสเต็กเนื้อวัว จะมีความสุกที่ชอบกับเนื้อส่วนต่างๆที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนมากมักจะสั่งเป็นระดับความสุกระดับ medium rare ซะมากเนื่องด้วย เนื้อวัวที่ระดับความสุกประมาณนี้จะมีความฉ่ำของเนื้อ และยังคงไว้ซึ่งความนุ่มของเนื้อแม้ว่าเนื้อมีคุณภาพที่เป็นปกติในท้องตลาดก็ตามไม่ได้เป็นเนื้อสุดยอดอะไร
แต่กลับทางกัน ถ้าหากว่าคุณซื้อเนื้อระดับดีเยี่ยมมาแล้ว และคุณเลือกที่จะทำเนื้อวัวสเต็กทานเองที่บ้าน หรือให้เพื่อนฝูงได้กินกันเป็นปาร์ตี้ขนาดย่อมๆแล้วล่ะก็ เนื้อที่คุณซื้อก็จะราคาแพงประมาณหนึ่งขึ้นไป และ คุณเองก็ไม่อยากจะเสียของ ! จากการที่ทำความสุกเกินกว่าที่ทุกคนอยากจะได้กัน ดังนั้นแล้ว การใช้เครื่องซูวี มันจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้โดยตรงที่สุด เพราะ ด้วยเครื่องซูวีนั้นเป็นการกำหนดระดับความสุกได้อย่างแม่นยำอยู่แล้ว และ ทำให้เป็นเหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่คนที่ทานเนื้อสเต็กมักจะเลือกกระบวนการทำด้วยเครื่องซูวีขั้นตอนหนึ่งเสียก่อน ก่อนที่จะเอาไปทำอย่างอื่นต่อไป
คนรักสุขภาพจะแคร์สัดส่วนสารอาหารที่หลงเหลืออยู่ และ การซูวีทำให้สารอาหารอยู่ครบได้ดีกว่า
เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ทานอกไก่ปั่นหรือคนที่จะทานอกไก่นั้นส่วนมาก จะทานด้วยเหตุผลทางสุขภาพ และ เรื่องของการสร้างเสริมโปรตีนเป็นหลัก ทำให้เมื่อทำการปรุงอาหารใดๆไปแล้วก็ตามอยากจะได้สัดส่วนของโปรตีนให้คงอยู่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้รู้สึกได้ว่ามันไม่เปลืองเงินและ อยากจะทานให้อร่อยและมีความหลากหลาย เหมือนอย่างที่ท่านทราบดีอยู่แล้วแหละว่า อกไก่นั้นเป็นส่วนของเนื้อขาวที่มีเส้นใยโปรตีนต่อเนื่องไขมันน้อยเอามากๆ เป็นโปรตีนที่ได้จากสัตว์ราคาประหยัดที่มาจากไก่ คนที่กินไก่ส่วนนี้จะเน้นการเลี่ยงมันจากหนังไก่และส่วนไขมันแทรกที่อยู่ในเนื้อไก่ ซึ่งเนื้อไก่ส่วนอื่นๆนั้นจะมีส่วนที่เราเรียกว่าเนื้อดำอยู่ด้วยซึ่งในนั้นจะมีไขมันนั่นเอง อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุผลเดียวกัน การที่เอาเนื้อไก่ที่ไร้มันแทรกใดๆมากินกันเป็นเมนูอาหารทานกันทุกวี่วัน มันอาจจะไม่ค่อยอร่อยเท่าใดนัก หากใช้กระบวนการต้มหรือการปรุงสุกที่ความร้อนสูงมากๆ เพราะ จะทำให้เนื้ออกไก่นั้นแห้งกร้านและร่วน ไม่เป็นความฉ่ำน้ำ แต่อย่างใด ใช่แล้วนอกจากนี้ตัวเนื้อเองแล้วที่เป็นเหตุว่าทำไมมันถึงไม่ฉ่ำ การปรุงสุกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของการทำให้เนื้อไก่แห้งกร้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้นแล้วการใช้เครื่องซูวีมาซูวีอกไก่ถึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่จะปรุงอาหารด้วยอกไก่เป็นประจำ โดยการซูวีเนื้ออกไก่ที่อุณหภูมิอย่างต่ำก็ประมาณสัก 63’c เพื่อให้แน่ใจได้ว่าสุกเพียงพอและปลอดภัยต่อการบริโภครับประทานเข้าปากคนเราได้ และ การใช้อุณหภูมิเพียงเท่านั้นจะทำให้อกไก่นั้นยังคงรักษาความฉ่ำของเนื้ออกไก่ได้ดีอยู่ เราแนะนำให้คุณเข้าไปอ่านรีวิวการทำอกไก่ซูวีจากที่นี่ แล้วคุณจะเห็นภาพว่าสภาพของเนื้ออกไก่นั้นดีกว่าอกไก่ที่ผ่านการต้มเฉยๆมากเพียงใดกัน แต่จะดีกว่านั้นเราอยากให้คุณได้ลองหาซื้อเครื่องซูวีมาทำอกไก่ทานดู มันจะกลายเป็นเมนูโปรดของคนในบ้านเลยทีเดียวเชียวแหละ
การทำสเต็กปลาซูวีสามารถรักษาสภาพของเนื้อปลาขณะปรุงให้ไม่แตกร่วนได้ดี
ปัญหาหนึ่งของการทำสเต็กปลาก็คือ ถ้าหากว่าเนื้อปลานั้นโดนความร้อนสูงเป็นเวลานานาจะทำให้เนื้อปลามีโอกาสแตกร่วนออกจากกันได้ และ ไม่เป็นก้อนน่ารับประทานสักเท่าไหร่ ลองคิดดูซิว่า ถ้าหากว่าคุณสั่งสเต็กปลาฟิลเลร์แต่กลับพบว่าเนื้อปลาที่เสริฟมาที่โต้ะอาหารให้กับคุณรับประทานนั้นมันกลับแยกออกมาเป็นสองส่วนจากกันก่อนที่คุณจะได้หั่นอะไรมัน คุณเองก็ไม่น่าจะชอบใจสักเท่าไหร่ และ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมร้านอาหารที่เน้นการทำสเต็กปลาจะใช้กระบวนการซูวีเพื่อการทำเสต็กปลากับปลาประเภทที่แตกร่วนตัวได้ง่ายจากการปรุงอาหาร การทำสเต้กปลานั้นก็เหมือนกับสเต็กเนื้อเช่นเดียวกัน เราต้องการระดับความสุกที่แน่นอน แม้ว่า คนสั่งอาหารจะไม่ได้บอกร้านอาหารก็ตาม เพราะ มันเป็นหน้าที่ของร้านที่จะทำออกมาให้ดูดีเมื่อเสริฟให้กับคนสั่งอาหารอยู่แล้ว และ ไม่เคยมีธรรมเนียมการบอกระดับความสุกของสเต็กปลาแต่อย่างใด ทำให้เป็นหน้าที่ของเชฟร้านอาหารที่จะเลือกระดับความสุกให้เหมาะกับปลาแต่ละชนิดนั้นด้วยตนเอง
ดังนั้นแล้วความสุกของเนื้อปลาก็จะขึ้นกับความหนาและความแข็งของเนื้อปลาเป็นสำคัญ โดยเชฟจะเป็นคนกำหนดความสุกของปลานั้นเองด้วยกระบวนการปรุงอาหารใดๆ โดยส่วนมากจะทำการซูวีก่อนแล้วถึงนำไปจี่กระทะเพื่อให้ด้านนอกกรอบและมีส่วนที่เป็นเนื้อสัมผัสแข็งขึ้นสำหรับการยึดตัวชิ้นปลาให้เป็นรูปร่างเอาไว้ และ ด้านในของชิ้นปลานั้นก็เป็นความสุกที่นิ่มกำลังดีไม่ได้สุกกร้านแบบเดียวกับด้นนอกจากเนื้อปลาที่โดนกระทะจี่นั่นเอง
โดยสรุป คุณจะเห็นได้ว่าการทำอาหารด้วยกระบวนการซูวีนั้นมีความลงตัวในการปรุงกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นอย่างมาก ทั้งเนื้อ หมู ปลา และ อกไก่ ทำให้เครื่องซูวีถูกใช้กันมากสำหรับอาหารจานใดๆที่เนื้อสัตว์เป็นส่วน highlight ของเมนูนั้นๆ ทำให้เครื่องซูวีถูกใช้กับสเต็กประเภทต่างๆ รวมถึงการทำเนื้อสัตว์ให้สุกทดแทนวิธีการต้มอีกด้วย