การพาสเจอร์ไรซ์ด้วยเครื่องซูวี
ตอนที่เราทำอาหารของเรานั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมใดๆ หรือ จะเป็นการทำอาหารด้วยกระบวนการซูวีก็ตามที เราทำสิ่งเหล่านั้นด้วยเหตุผลสามประการด้วยกัน คือ เราเอาความร้อนเข้าสู่เนื้ออาหารเพื่อทำให้อาหารนั้น รสชาติอร่อยขึ้น ง่ายต่อการย่อยมากขึ้น และทำให้อาหารปลอดภัยต่อการบริโภค สามประเด็นทีว่านี้ คือประเด็นสำคัญหลักๆ สำหรับการทำอาหาร และ เรารู้จักเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ยุคโบราณกาลกันแล้ว ตั้งแต่คนรู้จักการใช้ไฟกันเลยก็ว่าได้ ทำให้มนุษย์เราเอาเวลาเพื่อรับประทานอาหารน้อยกว่าสัตว์อื่นๆ ไม่ต้องเสียเวลาไปล่าอาหาร และ ดีกว่านั้นคือ เมื่อย่อยแล้วเราได้คุณค่าทางอาหารได้มากกว่าการกินดิบๆแบบปกติในระยะเวลาสั้นกว่ามาก
แต่สำหรับการทำอาหารด้วยการซูวีแล้วนั้น เราสามารถทำอาหารเพื่อให้เป็นไปตามประเด็นทีว่านี้ได้ครบถ้วนและควบคุมได้อีกต่างหาก โดยบทความนี้ เราจะเน้นหนักไปที่การเล่าเรื่องของการพาสเจอร์ไรซ์โดยการใช้เครื่อง Sous Vide เพราะ ปกติแล้ว กระบวนการทำ Sous Vide เราจะเลือกอุณหภูมิได้ และ การพาสเจอร์ไรซ์นั้นก็เพียงแต่เป็นการทำให้อาหารนั้นมีอุณหภูมิมากกว่า หรือเท่ากับ 60 องศาเซลเซียส นานกว่าระยะเวลาหนึ่งมากเพียงพอ เพื่อทำให้พวกเชื้่อโรคที่อาจจะเป็นอันตรายต่อเรานั้นตายไปทั้งหมด ทำให้มันปลอดภัยมากเพียงพอต่อการรับประทานเนื้ออาหารนั้นๆได้
พาสเจอร์ไรซ์คืออะไรกันเหรอ ?
พาสเจอร์ไรซ์เป็นกระบวนการที่ถูกค้นพบว่า มันจะทำให้อาหารนั้นมีอายุได้ยาวนานกว่าเดิมได้ เป็นประเภทหนึ่งของการถนอมอาหาร โดยอาศัยความร้อนเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อทำลายเชื้อโรคที่มากับอาหาร ค้นพบกระบวนการนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนเก่าแล้ว คือปี คศ. 1862 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศสชื่อหลุยส์ ปาสเตอร์ โดยมากแล้ว การพาสเจอร์ไรซ์จะใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าความร้อน ณ จุดเดือดของน้ำเป็นหลัก
พาสเจอร์ไรซ์หรือสเตอริไรซ์กันแน่ ?
พาสเจอร์ไรซ์ไม่เหมือนกับการสเตอริไรซ์กันเสียทีเดียว โดยพาสเจอร์ไรซ์นั้นจะใช้ความร้อนที่อุณหภูมิต่ำกว่ามาก ทำให้ไม่ใช่เชื้อต่างๆที่ติดมากับอาหารนั้นตายทั้งหมด แต่มันทำให้มันหายไปหรือเสียสภาพไปมากเพียงพอเพื่อให้เราสามารถปลอดภัยสำหรับการบริโภคอาหารเหล่านั้นได้อยู่ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายในการกินอาหารเหล่านั้น การที่เราใช้กระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ทำอาหาร มันจะทำให้คุณภาพอาหาร รสชาติและสิ่งต่างๆเกี่ยวกับอถรสในการทานอาหารนั้นๆยังคงอยู่ในสภาพที่ดีกว่าการที่เอาอาหารไปเสอริไรซ์เนื่องด้วยการใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่านั่นเอง
แล้วพาสเจอร์ไรซ์ทำอย่างไรล่ะ ?
พาสเจอร์ไรซ์มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรอก มันก็เป็นเพียงการให้ความร้อนกับเนื้ออาหารนานระยะเวลาหนึ่งที่มากเพียงพอเพื่อให้เชื้อโรคเล็กๆตายกันไปเยอะๆและเหลือเชื้อน้อยๆกับอาหารน้อยจนมันไม่ทำอะไรเราได้หากเราทานพวกมันเข้าไปในร่างกาย และ หากนิยามพาสเจอร์ไรซ์มันเป็นเพียงเท่านั้นแล้วล่ะก็ ก็แปลว่าคุณสามารถใช้กระบวนการทำอาหารที่หลากหลายเพื่อทำการพาสเจอร์ไรซ์ได้อย่างแน่นอน ซึ่งการซูวีก็เป็นหนึ่งในนั้น
สำหรับบ้านเรือนร้านอาหารหารหรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆแล้ว หากว่าอยากจะทำการพาสเจอร์ไรซ์อาหารเพื่อจำหน่ายอาหาร คุณสาารถทำได้ง่ายๆได้โดยยการใช้ “เครื่องซูวีสำหรับบ้านเรือน” เพราะ เจ้าเครื่องซูวีนี้ เริมมาคุณจะต้องดูดอากาศออกจากถุงเสียก่อนแล้วเอาเครื่องซูวีหย่อนไปในอ่างซูวีเพื่อปรับระดับน้ำให้ได้อุณหภูมิที่เป็นระดับสำหรับการพาสเจอร์ไรซ์อาหาร โดยคุณจะต้องแน่ใจได้ว่า ความร้อนนั้นร้อนทั่วถึงทั้งด้านนอกและด้านในสุดในระยะเวลาที่มากเพียงพอ แล้วเอาเนื้ออาหารทั้งถุงซูวีก็ได้เอามาลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วโดยการแช่มันไปในอ่างน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด โดยเราคาดหวังว่าเชื้อโรคจะตายจากการกระทำนี้ทั้งร้อนและเย็น เมื่อทิ้งไว้สักพัก เราก็สามารถเอาไปเก็บในช่องเย็นปกติได้ โดยที่เนื้ออาหารนั้นถือได้ว่า มันผ่านการพาสเจอร์ไรซ์มาแล้ว
เมื่อไหร่เราควรจะทำการพาสเจอร์ไรซ์อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ?
เนื้อสัตว์บางประเภทจำเป็นต้องพาสเจอร์ไรซ์แบบให้เต็มขั้น ในขณะที่บางประเภทเนื้อสัตว์ก็แค่ทำให้สุกนิดหน่อยหรือจี่ในกระทะเพียงเล็กน้อย ก็ถือได้ว่าปลอดภัยต่อการบริโภคแล้ว โดยมันจะมีเหตุและผลหรือปัจจัยต่างๆมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ในท้ายที่สุด ทั้งพาราไซท์และแบคทีเรียในอาหารนั้นมันจะกระจายตัวอยู่ในส่วนเนื้อต่างๆทั้งด้านในและด้านนอก แล้วแต่ความหนาแน่นของมวลเนื้ออาหารนั้นด้วย โดยสัตว์แต่ละประเภท ในแต่ละส่วนก็จะมีการกระจายของเชื้อโรคได้ไม่เหมือนกัน
พาสเจอร์ไรซ์เนื้อไก่และสัตว์ปีกอื่นๆ
สำหรับไก่และสัตว์ปีกประเภทที่เอาไว้รับประทานนั้น จำเป็นต้องได้รับการพาสเจอร์ไรซ์ให้ถึงเอามากๆ การบริโภคส่วนของไก่ที่ดิบนั้นอาจจะมีความเสี่ยงของเชื้อซาโมนาร่าเอามากๆ และ มันก็เป็นอันตรายสำหรับการกินได้จริง คุณจำเป็นต้องทำการพาสเจอร์ไรซ์ด้วยความร้อนไปให้สุดด้านในทั้วทั้งหมด ไม่ให้เหลือส่วนหนึ่งส่วนใดที่ดิบหรือความร้อนไม่ถึง จำเอาไว้เลยว่า การกินไก่ดิบหรือกึ่งดิบกึ่งสุกนั้นกระทำไม่ได้ และ มันไม่ปลอดภัยสำหรับคนรับประทานเอามากๆ
พาสเจอร์ไรซ์เนื้อวัวและเนื้อแกะ
จริงๆแล้วเนื้อวัวและแกะนั้นปลอดภัยสำหรับการบริโภคดิบกันเลยก็ว่าได้ เพราะการเชือดสัตว์ทั้งสองประเภทนี้กระทำให้ห้องที่สะอาดกว่ามาก และ มีโอกาสเสี่ยงกับเชื้อโรคน้อยกว่าสัตว์ประเภทอื่นๆที่จะมีเชื้อโรคเข้าไปประสมปนเปในเนื้ออาหารได้ เนื่องด้วย โครงสร้างของสภาพเนื้อและกล้ามเนื้อของสัตว์เอง ทำให้พวกเชื้อแบคทีเรียสามารถเติบโตได้เพียงด้านนอกของเนื้อสัตว์เหล่านี้เท่านั้น ทำให้ความจำเป็นในการปรุงให้สุกถึงด้านในสุดนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็น คุณสามารถทำให้เนื้อสุกด้านนอก หรือความร้อนจี่รอบนอกของเนื้ออาหารทุกส่วนก็จะทำให้คุณปลอดภัยเท่ากับการที่คุณทำให้สุกแบบเต็มขั้นทั้งชิ้น ไม่ได้แตกต่างกันในเรื่องความปลอดภัย แต่กลับทางกัน มันจะทำให้รสชาติและรสสัมผัสนั้นด้อยลงไปมากหากทำให้สุกเต็มที่ถึงระดับนั้น
พาสเจอร์ไรซ์เนื้อหมู
มันไม่ได้เป็นเรื่องปกติสำหรับการรับประทานเนื้อหมูกึ่งดิบหรือดิบทั้งหมด เพราะ เนื้อหมูนั้นจะสามารถปนเปื้อนเชื้่อโรคได้ แต่อย่างไรก็ดี เราแค่ให้ความร้อนกับมันเชื้อโรคเหล่านั้นก็จะตายไปและทำให้คุณปลอดภัยในการบริโภคได้แล้ว คุณจำเป็นต้องปรุงเนื้อหมูให้สุก
พาสเจอร์ไรซ์เนื้อสัตว์ด้วยการซูวีทำอย่างไร ?
ระยะเวลาเพื่อการพาสเจอร์ไรซ์สำหรับเนื้อสัตว์นั้นแล้วแต่ประเภทเนื้อที่คุณกำลังจะทำการพาสเจอร์ไรซ์ โดยคุณเป็นคนกำหนดความร้อนของการพาสเจอร์ไรซ์ ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น หากเนื้อวัวเสต็กและอกไก่ชิ้น นั้นหนาประมาณ 25 มิลลิเมตร ชิ้นเนื้อสามารถที่จะได้รับการพาสเจอร์ไรซ์ด้วยอุณหภูมิและเวลาดังต่อไปนี้
ระยะเวลาซูวีและอุณหภูมิสำหรับเนื้อวัวที่หนาประมาณ 25 มิลลิเมตร
55’c ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที
57’c ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาที
60’c ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
ระยะเวลาซูวีและอุณหภูมิสำหรับอกไก่ที่หนาประมาณ 25 มิลลิเมตร
58’c ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 20 นาที
60’c ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
65’c ระยะเวลา 1 ชั่วโมง
สรุปการพาสเจอไรซ์เนื้อสัตว์ด้วยการซูวี
โดยรวมแล้ว หากคุณเลือกจะทำการพาสเจอร์ไรซ์เนื้อสัตว์ คุณสามารถเลือกใช้เครื่องซูวีเพื่อทำกระบวนการได้อย่างปลอดภัย เพราะ เครื่องซูวีจะตั้งค่าความร้อนและระยะเวลาได้อย่างแม่นยำที่สุด ทำให้คุณสามารถพาสเจอร์ไรซ์อาหารประเภทนี้ได้ที่บ้านของคุณเอง นอกจากนี้ การที่คุณใช้การซูวีทำอาหารจะทำให้เนื้ออาหารนั้นไม่ได้เสียรูปร่างมากเกินไปนัก ยังคงรักษาความฉ่ำแน่นของเนื้อได้เป็นอย่างดี
แนะนำบทความสนับสนุนข้อมูลโดยเว็บขายเครื่องซูวี https://sousvidemax.com